จังหวัดชัยภูมิ มีเรื่องฉาวของวงการสีกากีอีกแล้ว เมื่อมีการเผยแพร่คลิปกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างตัวเป็นตำรวจ บุกค้นบ้านหลังนี้ แต่ปรากฏว่ากลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านี้ กลับหยิบเงินสดในกระเป๋าหลายหมื่นบาทติดมือไปด้วย และต่อมาทราบว่าเป็นตำรวจจริง ขณะที่มีผู้เสียหายอีกรายก็มาแฉถูกชายฉกรรจ์อ้างตัวเป็นตำรวจ อุ้มตัวลูกชายคลุมศีรษะด้วยถุงดำ ไปบังคับให้รับสารภาพว่าเป็นผู้ค้ายาเสพติด เราไปไล่เรียงเหตุการณ์จากคลิปแรกกันก่อน
นี่เป็นคลิปเริ่มต้นจากทั้งหมดความยาวกว่า 14 นาที จากวันที่ปรากฏในภาพวงจรปิด เป็นวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา เวลาประมาณ 13.40 น. ในคลิปจะเห็นชายฉกรรจ์หลายคนเข้ามาที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ อ้างว่าเป็นตำรวจ มาสอบถามหาลูกชายเจ้าของบ้าน โดยในคลิปจะเห็นชายวัยกลางคนที่นอนอยู่ในเปล ก็คือเจ้าของบ้าน และมีผู้หญิงอีก 2 คน โดยทั้งหมดกำลังพยายามจะโทรศัพท์หาใครสักคนอยู่ แต่ก็ถูกสั่งห้ามโทร และสั่งให้นั่งลง
จากนั้นชายฉกรรจ์พากันขึ้นไปที่ชั้น 2 ของบ้านพัก พร้อมกับพยายามงัดประตูห้อง ซึ่งมีลูกชายของเจ้าของบ้านนั่งทำงานอยู่ จากนั้นก็มีเสียงดังเอะอะโวยวาย กระทั่งเจ้าของบ้านซึ่งเป็นพ่อ ต้องวิ่งขึ้นไปดูด้วยความเป็นห่วงลูกชาย แต่กลับถูกกลุ่มชายฉกรรจ์กันตัวไว้ และก็เกิดความชุลมุนวุ่นวายกันอยู่พักหนึ่ง
ทีมสนามข่าว 7 สี จึงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกับเจ้าของคลิป โดยชายอายุ 59 ปี เจ้าของบ้าน เล่าว่า วันเกิดเหตุรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก และตอนนั้นไม่ทราบว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่ กระทั่งต่อมาทราบว่าชายฉกรรจ์กลุ่มนี้เป็นตำรวจชุดสืบสวนจริง และยอมรับว่าลูกชายของตนเองก็กระทำผิด เพราะจากการตรวจสอบปัสสาวะ พบเป็นสีม่วง มีสารเสพติดในร่างกาย และก็ถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนไปแล้ว
แต่สิ่งที่ติดใจก็คือ เมื่อมาตรวจสอบทรัพย์สินภายในบ้าน ปรากฏว่าเงินสดหายไป 32,460 บาท ซึ่งเงินทั้งหมดถูกแยกเก็บเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่ง 13,460 บาท อยู่ในกระเป๋าสีเหลือง และอีก 19,000 บาท อยู่ในกระเป๋าสีเทา และเมื่อลูกชายมาเปิดกล้องวงจรปิด พบว่ากระเป๋าสีเทาที่มีสายสะพาย มีตำรวจนายหนึ่งถือติดมือไปด้วย ส่วนกระเป๋าสีเหลืองถูกทิ้งไว้ที่ห้อง แต่เงินหายไป
และไปพบภาพตำรวจที่สวมเสื้อสีขาว เหมือนกำสิ่งของบางอย่างคล้ายธนบัตรแล้วแอบยัดใส่กระเป๋ากางเกง หลังเกิดเหตุได้ไปแจ้งความที่ สภ.บำเหน็จณรงค์ พร้อมนำหลักฐานคลิปจากกล้องวงจรปิดดังกล่าว และได้ไปทวงถามตำรวจ กระทั่งได้เงินคืนกลับมา 13,460 บาท ส่วนอีก 19,000 บาท ไม่ได้คืน และยืนยันว่าเงินจำนวนดังกล่าว เป็นเงินที่เก็บและเงินที่ได้จากการขายวัว ซึ่งเก็บไว้ใช้ในครอบครัว จึงมั่นใจว่าตำรวจชุดดังกล่าวอาจมีส่วนรู้เห็น แต่หลังจากไปแจ้งความแล้ว ปรากฏว่าผ่านมา 6 เดือน คดียังไม่คืบหน้า จึงนำคลิปไปโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อขอความเป็นธรรม และยืนยันจะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
หลังคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ไม่นาน ปรากฏว่ามีผู้เสียหายอีกคนหนึ่งออกมาร้องเรียนว่าเคยเจอเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน โดยชายอายุ 58 ปี ชาวบ้านอำเภอซับใหญ่ ออกมาเปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงเดือนพฤษภาคมปี 2563 มีชายฉกรรจ์ 6-7 คน แต่งกายคล้ายตำรวจนอกเครื่องแบบ วิ่งเข้ามาในบ้าน พร้อมใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่จำนวน 8 นัด นอกจากนี้ยังใช้กำลังประทุษร้ายภรรยา และลูกชายของตนเอง ก่อนที่จะพาลูกชายอายุ 31 ปี ขึ้นรถไปด้วย และหายตัวไป 1 วัน ก่อนจะถูกปล่อยตัวกลับมา
โดยลูกชาย เล่าว่า ชายกลุ่มนี้ได้พาตัวไปสถานที่แห่งหนึ่ง แล้วใช้ถุงดำคลุมศีรษะ ทั้งยังใช้เชือกหรือลวดรัดลำคอ ข่มขู่ให้รับสารภาพว่าเป็นผู้ค้าและผู้เสพยา แต่ลูกชายปฏิเสธ ทั้งผลการตรวจปัสสาวะไม่พบมีสารเสพติดในร่างกาย และไม่พบยาเสพติดของกลาง จนในที่สุดก็ถูกปล่อยตัวกลับมา ในสภาพมีบาดแผลถลอกตามร่างกาย มีรอยแผลคล้ายรอยรัดที่ลำคอ และมีรอยช้ำที่หน้าอก ก่อนจะพาไปตรวจที่โรงพยาบาล และพากันไปแจ้งความ
ผู้ร้องเรียน บอกว่า ตั้งแต่เกิดเรื่อง แม้จะไปแจ้งความไว้แล้ว แต่จนขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร และยอมรับว่าทุกวันนี้ก็ยังหวาดกลัว จึงวิงวอนขอให้เร่งตรวจสอบ จะได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติสุข