ชาวบ้านอย่างน้อย 46,600 คนทั่วประเทศ ถูกกรมทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมแจ้งความดำเนินคดี หลังจากที่คณะรักษาความสบแห่งชาติ หรือ คสช. ประกาศการปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทรัพยากรป่าไม้ โดยบางรายต้องสูญเสียที่ดินมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษหรือแม้แต่ชีวิต เพราะไม่ยอมรับการถูกขับไล่ชาวบ้านออกจากป่าสงวน
พื้นที่ในเหตุพิพาทนั้น เป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่อาศัยอยู่และทำมาหากินมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ ได้กลับกลายเป็นที่ทับซ้อน หลังจากมีการประกาศเขตผืนป่าอนุรักษ์ตามกฎหมายในรูปแบบต่าง ๆ
บ้านบางกลอยล่าง ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพชรบุรี เป็นหนึ่งในพื้นที่พิพาทระหว่างชาวกะเหรี่ยงและเจ้าหน้าที่ของรัฐ จนเป็นที่มาของคดีการอุ้มฆ่า “บิลลี่” ที่เรียกร้องเพื่อสิทธิในการอยู่ร่วมกับผืนป่าตามวิถีดั้งเดิมของชาติพันธุ์กะเหรี่ยง เมื่อเดือนเมษายน ปี 2557
ล่าสุด “แบงค์” พงษ์ศักดิ์ ต้นน้ำเพชร ชายหนุ่มจากบ้านบางกลอย อดีตเด็กหนุ่มขี้เมาได้กลายมาเป็นเสมือนแกนนำและตัวกลางระหว่างชาวบ้าน และคนภายนอกที่ให้ความสนใจในประเด็นการต่อสู้ของพวกเขา
“ผมไม่ทำก็ไม่รู้จะให้ใครทำ ไม่ได้พร้อมแต่ก็ลองทำ ก็เรียนรู้มาเรื่อย ๆ” แบงค์กล่าว แบงค์เข้าร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P-move) ในประเด็นสิทธิที่อยู่อาศัยของชาติพันธ์ต่าง ๆ จนตัวเขาเองถูกแจ้งข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ รวม 29 คน
อดีตนักเรียนมัธยมวัย 18 ปี อย่าง “จัน” จันทร ต้นน้ำเพชร ก็ถูกดำเนินคดีร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพียงเพราะไปร่วมชุมนุมเรียกร้องเพื่อมารดาที่เป็นหนึ่งใน 29 คน ที่ถูกดำเนินคดีเดียวกันกับแบงค์ จนทำให้จันต้องออกจากโรงเรียน
“ตั้งแต่โดนคดีมันมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากในเรื่องของการเดินทางและที่พักต่าง ๆ ที่ถึงจะมีคนช่วยเหลืออยู่บ้างแต่ก็ไม่ครอบคลุมทั้งหมด หนูต้องเอาเงินเก็บออกมาใช้จนตอนนี้ไม่มีเหลือแล้ว เลยตัดสินใจว่าลาออกจากโรงเรียนดีกว่า” จัน กล่าว
อีกตัวอย่างหนึ่งคือ กรณีของพ่อสมพิตร แท่นนอก แห่งบ้านซับหวาย อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ ที่ถูกดำเนินคดีเมื่อปี 2562 และศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 1 ปี 10 เดือน เมื่อเข้าสู่เรือนจำได้ราวสองเดือน ภรรยาของพ่อสมพิตร ซึ่งป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้ายได้เสียชีวิตลง ทั้งสองต้องจากกันโดยไม่ได้เอ่ยคำร่ำลา
“ตอนรู้ว่าเขาตายผมเสียใจมาก ใจสลาย อยู่ด้วยกันมาเกินสามสิบปี แทบไม่เคยทะเลาะกัน ไม่เคยพูดจาหยาบคายเลยสักครั้ง” พ่อสมพิตรกล่าว
ยังมีเรื่องราวของพ่อเด่น และแม่สุภาพ คำแหล้ สองสามีภรรยา แห่งบ้านโคกยาว อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งพ่อเด่นออกไปหาของในป่า และหายตัวไป เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2559 ต่อมาหนึ่งปีให้หลัง มีคนพบศพในป่าไม่ไกลจากบ้าน
พ่อเด่น เป็นคนที่ไม่ยอมออกจากพื้นที่ป่าภูซำผักหนาม และพยายามผลักดันให้เกิดโฉนดชุมชน ทำให้เกิดความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าภูซำผักหนาม ส่วนแม่สุภาพเองก็ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน และเสียชีวิตลงหลังจากพ้นโทษเมื่อปีที่แล้ว
นอกจากนั้น นิตยา ม่วงกลาง และสมพิตร แท่นนอก ชาวบ้านซับหวาย อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ ก็ต้องตกเป็นผู้ต้องหาในคดีบุกรุกพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติไทรทอง ร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่อีก 14 คดี ศาลฎีกาตัดสินลงโทษจำคุกชาวบ้าน โดยไม่รอลงอาญา
กลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ P-move ยังคงยืนหยัดต่อสู้กับรัฐบาลด้วยการชุมนุม รวมทั้งในกรุงเทพฯ ในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค เมื่อเดือนพฤศจิกายน ด้วยความหวังว่ารัฐบาลจะฟังเสียงเรียกร้องของพวกเขา