เปิดจำนำวันแรกใช้เงินหมด แห่นำสั่งของจำนำคึกคัก!

ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

หลังฉลองเทศกาลสงกรานต์ เปิดทำการวันแรกมีชาวบ้าน ประชาชนแห่นำสิ่งของมาใช้จำนำที่สถานธนานุบาลเทศบาลเมืองชัยภูมิคึกคัก ไม่เว้นเครื่องมือทำมาหากินเครื่องตัดหญ้า มีการเตรียมเงินกว่า 150 ล้านบาท พร้อมรับจำนำสิ่งของจากประชาชน คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษเพียงร้อยละ 50 สตางค์ ในวงเงินจำนำไม่เกิน 3 พันบาท

(18เม.ย.65)ที่สถานธนานุบาลเทศบาลเมืองชัยภูมิ กลางเมืองชัยภูมิ ตั้งแต่ช่วงเช้าเปิดทำการวันแรก ได้มีชาวบ้าน ประชาชนจากหมู่บ้าน พื้นที่ต่าง ๆ ใน จ.ชัยภูมิ เดินทางมาใช้บริการที่สถานธนานุบาลเทศบาลเมืองชัยภูมิคึกคัก หลังประชาชนออกไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์  วันแรกมีผู้มาใช้บริการนับร้อยหลาย มีทั้งไถ่ถอน ต่อดอก และจำนำ แต่ที่มากที่สุดเห็นจะเป็นจำนำ เนื่องจากเงินขาดมือหลังจากเที่ยวจนเงินหมด สิ่งของที่นำมาจำนำมากที่สุดยังคงเป็นทองรูปพรรณไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอ หรือแหวน คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษเพียงร้อยละ 50สตางค์ ในวงเงินจำนำไม่เกิน 5 พันบาท ส่วนใหญ่จำนำเต็มราคาเท่าที่จะจำนำได้ โดยราคารับจำนำทองรูปพรรณ ขณะนี้รับจำนำที่บาทละ 2 หมื่น 2 พันบาท รองลงไปจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ไม่มากนัก เนื่องจากจะได้ราคารับจำนำต่ำ แต่พบว่าเครื่องทำมาหากินอย่างเช่นเครื่องตัดหญ้าแบบสะพาย ที่ก่อนหน้านี้เจ้าของเครื่องใช้รับจ้างตัดหญ้าหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว เพราะเงินขาดมือ แม้จะจำนำได้เพียง 700 บาท ก็ต้องเอาเพื่อให้ได้เงินไปใช้จ่ายในครอบครัวที่ไม่มีเงินซื้อข้าวสาร หรืออาหารกินในวันนี้ เมื่อไปรับจ้างงานอื่นได้เงินมาจึงจะมาไถ่ถอนเครื่องตัดหญ้าสะพายคู่ชีวิต ไปรับจ้างตัดหญ้าต่อไป

นางบุศรา ชัยจันทร์ ผู้จัดการสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองชัยภูมิ  บอกว่าวันนี้(18)เปิดทำการวันแรก หลังหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ มีชาวบ้านเดินทางมาใช้บริการคึกคักตั้งแต่เปิดทำการ 08.30น.ที่ผ่านมา มีทั้งต่อดอก มากที่สุดคือนำสิ่งมาจำนำ ซึ่งสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองชัยภูมิ ได้เตรียมเงินไว้รับจำนำสิ่งของจากประชาชนอยู่ 150 ล้านบาท คาดว่าเพียงพอกับความต้องการ ช่วงนี้คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ วงเงินไม่เกิน 5 พันบาท คิดอัตราดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 50 สตางค์ต่อเดือน วงเงิน 5 พันบาท ไม่เกิน 3 หมื่นบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 บาท เกิน 3 หมื่นบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 1 บาท 25 สตางค์ต่อเดือน อีกด้วย

ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่