ลุ้นฎีกา! ศาลรับคดี ครอบครัว ‘ชัยภูมิ ป่าแส’ ยื่นฟ้องกองทัพ เรียกค่าเสียหาย หลังสู้มายาวนาน 5 ปี 10 เดือน เหตุเป็นต้นสังกัดของทหารที่วิสามัญฆาตกรรม
วันที่ 16 ม.ค.2566 ที่ศาลแพ่งรัชดา นายรัษฎา มนูรัษฎา ทนายความสิทธิมนุษยชนของครอบครัวชัยภูมิ ป่าแส เยาวชนนักปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักกิจกรรมชาติพันธ์ุลาหู่ ที่ถูกทหารด่านบ้านรินหลวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ วิสามัญฆาตกรรม เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2560 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จาก Protection International (PI) ทีมทนายความจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรม และกลุ่มดินสอดี
เดินทางเข้าฟังคำสั่งศาลฎีกา ในคดีที่ นาปอย ป่าแส มารดาของชัยภูมิ ยื่นฟ้องต่อศาล เมื่อปี 2562 เพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ฯ จากกองทัพบก ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ทหารทั้งสองที่วิสามัญฆาตกรรมชัยภูมิ
การยื่นฎีกาในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ศาลอุทธรณ์ได้อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ม.ค.2565 โดยได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คือ ยกฟ้องฝ่ายกองทัพบก ซึ่งหลังศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษา ครอบครัว และทนายความเห็นต่างกับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ จนนำมาสู่การยื่นฎีกาในครั้งนี้
ทั้งนี้ ศาลฎีกามีคำสั่งรับฎีกาที่ทนายความ และครอบครัวของชัยภูมิ ยื่นไป พร้อมทั้งได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลให้กับครอบครัวชัยภูมิ และกองทัพบกซึ่งเป็นจำเลยต้องยื่นแก้คำฎีกามาภายใน 15 วัน ส่งให้ศาลชั้นต้นเพื่อรวบรวมสำนวน และส่งคืนศาลฎีกาเพื่อดำเนินการต่อไป
นายรัษฎา ให้สัมภาษณ์หลังเสร็จสิ้นการพิจารณาคดีว่า วันนี้ศาลฎีกาได้มีคำสั่งลงมา ว่าฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาที่เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่การพิจารณาของศาลฎีกา และสั่งรับฎีกาของโจทก์ ดังนั้น คดีก็อยู่ระหว่างที่จะต้องให้กองทัพบก ทำการแก้ฎีกาเข้ามาภายใน 15 วัน
ซึ่งคำสั่งศาลวันนี้ก็เป็นคำสั่งสั้นๆที่ถือว่าศาลท่านได้ให้ความยุติธรรมกับประชาชน ให้ได้สู้ถึงชั้นฎีกานับว่าเป็นเรื่องที่ดี ต้องขอบคุณองค์คณะของศาลฎีกาที่รับฎีกาของแม่ชัยภูมิด้วย โดยขั้นตอนต่อไปศาลจะพิจารณาทั้งคำฎีกา และคำแก้ฎีกาของกองทัพบก ถ้ามีนัดฟังคำสั่งศาลฎีกาศาลก็จะมีหมายแจ้ง ซึ่งน่าจะใช้ระยะเวลาในการพิจารณาประมาณ 6 เดือนขึ้นไป
ย้อนปูม คดี ‘ชัยภูมิ ป่าแส’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นเวลากว่า 5 ปี 10 เดือนแล้ว ที่ นายชัยภูมิ ป่าแส ถูกเจ้าหน้าที่ทหารบริเวณด่านรินหลวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ วิสามัญฆาตกรรม ซึ่งภายหลังเกิดเหตุขึ้นครอบครัวของชัยภูมิ ได้เดินหน้าทวงถามความยุติธรรมให้กับชัยภูมิ ทั้งการทวงถามเรื่องกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์แต่ไม่มีการตอบรับใดๆ จนนำมาสู่การยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากกองทัพบก ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ทหารทั้งสองที่วิสามัญฆาตกรรมชัยภูมิ
โดยเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2563 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง และให้กองทัพบกไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายตามคำฟ้องของมารดานายชัยภูมิ และครอบครัวของชัยภูมิ ทนายความจึงเดินหน้าขอยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลต่อไป โดยเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2564 ศาลแพ่งเลื่อนอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ เป็นวันที่ 26 ม.ค.2565
ต่อมาในวันที่ 26 ม.ค.2565 ศาลอุทธณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คือ “ยกฟ้อง” พร้อมมีคำวินิจฉัยว่า ทหารใช้ปืนยิงนายชัยภูมิเพื่อป้องกันตัวเองโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว อีกทั้งตำแหน่งที่ทหารยิงนายชัยภูมิคือต้นแขนซ้าย เป็นตำแหน่งยิงที่บอกเจตนาว่า ไม่ได้ประสงค์แก่ชีวิต และในวันที่ 25 พ.ค.2565 ทีมทนายความของครอบครัวชัยภูมิ ป่าแส ได้ขออนุญาตยื่นฎีกาจนวันนี้ (16 ม.ค.66) ศาลฎีกามีคำสั่งรับฎีกาในคดีนี้