สาวชัยภูมิร้องเรียนตำรวจ ภาค4 ช่วยตามตัวพ่อเลี้ยง “แอ๋ม” เหยื่อในคดี “เปรี้ยวฆ่าหั่นศพ” ให้มาเปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อรถเก๋ง เนื่องจากมีหนังสือจากไฟแนนซ์แจ้งยกเลิกสัญญามาที่บ้านและต้องชดใช้หนี้แทน
เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 30 ก.ค.2564 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ตำรวจภูธรภาค4 จ.ขอนแก่น น.ส.จินดาภรณ์ พื้นดอนเค็ง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67 ม.2 ต.หนองบัวแดง อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ นำเอกสารสัญญาจะซื้อจะขายหรือสัญญาวางมัดจำ พร้อมภาพถ่ายของคนรับรถ และภาพรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อเชฟโลเล็ต สีขาว หมายเลขทะเบียน ขล-2452 นครราชสีมา เข้าร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่เพื่อขอความช่วยเหลือติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
น.ส.จินดาภรณ์ พื้นดอนเค็ง กล่าวว่า เดิมเปิดร้านขาย หมูกระทะ แต่ปลายปี 2562 ธุรกิจย่ำแย่ จึงพยายามเคลียร์ภาระหนี้สินให้เหลือน้อยที่สุด จึงได้โพสเฟซบุ๊ก ในเรื่องของการปล่อยรถเก๋งยี่ห้อเชฟโลเล็ตสีขาวหมายเลขทะเบียน ขล-2452 นครราชสีมา ด้วยการขายดาวน์ เพราะติดค่างวดอยู่ 3 งวด ซึ่งมีคนสนใจทักเข้ามาจำนวนมาก จึงคิดพิจารณาเอาคนที่อยู่ใกล้ สามารถไปมาหาสู่กันได้ จนกระทั่งมีนายสุชาติ คำเพิงใจ ซึ่งพักอาศัยอยู่ที่ อ.พระยืน จ.ขอนแก่น มีอาชีพติดตั้งผ้าใบและรับเหมาก่อสร้างติดต่อมาขอเช่าซื้อ จึงมีการพูดคุยกัน และนัดดูรถที่บ้านใน อ.พระยืน
“จากนั้นวันที่ 24 ธ.ค.2562 นายสุชาติได้ขอรับรถและจ่ายค่างวดให้ 1 งวด และทำสัญญาจะซื้อจะขายหรือสัญญาวางมัดจำ ซึ่งในเรื่องดังกล่าวนั้น ได้แจ้งให้บริษัทไฟแนนซ์ทราบเรื่องแล้ว จากนั้นก็ได้ทำเรื่องรีไฟแนนซ์ เพื่อจะได้จ่ายค่างวดรถในจำนวนที่น้อยที่สุด เมื่อทำเสร็จเรียบร้อยก็แจ้งให้นายสุชาติทราบ นายสุชาติ คนนำรถไปใช้ก็เริ่มจ่ายค่างวดเดือนละ 5,800บาท ซึ่งตลอดระยะเวลาที่นายสุชาตินำรถไปใช้ โดยส่วนตัวเชื่อว่า จะส่งงวดรถตามที่ตกลงกันไว้ทุกงวด และเข้าใจว่า สถานการณ์โควิดระบาด หากมีปัญหา น่าจะติดต่อกลับมา แต่ก็ไม่เคยติดต่อกัน จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ มีหนังสือยกเลิกสัญญาส่งมาที่บ้าน จึงได้ทราบปัญหาเกี่ยวกับรถที่นายสุชาตินำไปใช้ จึงติดต่อนายสุชาติและภรรยา พร้อมทั้งไปตามหาที่บ้าน เมื่อไปถึงทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นเพียงบ้านเช่า ที่มีการเช่าอาศัยในช่วงที่ทำงานรับเหมาก่อสร้างเท่านั้น”
น.ส.จินดาภรณ กล่าวต่ออีกว่า มารู้ทีหลังว่านายสุชาติคือพ่อเลี้ยงของ น.ส.แอ๋ม เหยื่อที่ถูกฆาตกรรมในตดีเปรี้ยวฆ่าหั่นศพ จึงไปตามที่บ้านภรรยา ซึ่งญาติพี่น้องแจ้งว่า นายสุชาติไม่ได้มาอยู่ที่บ้าน จึงไม่รู้จะตามหาที่ใด จึงได้ตัดสินใจเข้าร้องเรียนที่ตำรวจภูธรภาค4 ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามประสานงานกับนายสุชาติมาพบเพื่อพูดคุยกันและเปลี่ยนสัญญาการเช่าซื้อเป็นชื่อของนายสุชาติ และหากขาดเหลือเรื่องค่างวดก็จะช่วยเหลือตามความเหมาะสม
“หลังจากที่ตนเองโพสต์ตามหานายสุชาติก็มีคนอื่นๆทักมาถามและเล่าให้ฟัง ซึ่งเรื่องนี้ตนเองก็ไม่ขอก้าวล่วง แต่เรื่องที่มีคนทักมาบอกนั้นส่วนใหญ่จะเป็นทำนองที่ถูกนายสุชาติโกงเอาทรัพย์สินแล้วหายหน้าไป ซึ่งใครเป็นผู้เสียหายก็สามารถเข้าแจ้งความกับตำรวจได้เลย ตนเองออกมาพูดในครั้งนี้ก็อยากจะเป็นสื่อกลางไปถึงคนอื่นๆด้วย