รมว.พณ. ลงพื้นที่ “ชัยภูมิ-โคราช” ติดตามประกันรายได้เกษตรกรปีที่ 3 – มั่นใจปีนี้ผลผลิตการเกษตรดีทุกชนิด – เตรียมส่งออกข้าวกว่า 8 ล้านตัน – มีออเดอร์มันสัมปะหลังจากจีนแล้ว 1 ล้านตัน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่อำเภอเกษตรสมบูรณ์ เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว และผู้ปลูกันสัมปะหลัง รวมถึงยางพารา ปีที่ 3 พร้อมมอบโฉนดที่ดินคืนให้กับเกษตรกร มอบเช็คชำระหนี้แทนเกษตรกร และเช็คโครงการฟื้นฟูพัฒนาอาชีพเกษตรกร แก่สมาชิกทองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัดชัยภูมิ
นายจุรินทร์ ยังมั่นใจว่า พืชผลการเกษตรปีนี้ จะดีทุกตัว และจังหวัดชัยภูมิ อยู่ในเขตชลประทาน ดินดี น้ำดี พืชผลดี และขณะนี้ มันสำปะหลัง กิโลกรัมละ 3.20 บาท ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กิโลกรัมละ 11-12 บาท ยางก้นถ้วย กิโลกรัมละ 30.30 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้ยางฯ กิโลกรัมละ 10 บาท เมื่อรัฐบาล มาแก้ไขปัญหาราคายางพารา ทำให้ราคาดีขึ้น เกษตรกรมีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้น พร้อมย้ำว่า เมื่อใด ที่ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ก็จะมีนโยบายประกันรายได้เกษตรกรในพืชเกษตร 5 ชนิด คือ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งเป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นตัวช่วยในช่วงที่พืชผลการเกษตร ราคาต่ำกว่าราคาประกัน เกษตรกร ก็จะยังคงมีรายได้ 2 ทางทั้งจากราคาขายในตลาด และเงินส่วนต่างจากโครงการประกันรายได้
นอกจากนั้น รองนายกรัฐมนรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังได้ลงพื้นที่อำเภอชุมพวง และอำเภอปง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว และมันสัมปะหลัง พร้อมมั่นใจว่า ราคาข้าวในปีนี้ จะดีขึ้นตามลำดับ และจะสามารถส่งออกได้กว่า 7,000,000 – 8,000,000 ตัน มากกว่าปีที่แล้ว ที่ประสบปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์แต่ก็ยังสามารถส่งออกได้ 6,100,000 ตัน รวมถึงยังมีคำสั่งซื้อมันสัมปะหลังจากจีนแล้วเบื้องต้น 1,000,000 ตัน ซึ่งจะช่วยให้เกษตร มีรายได้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน นายจุรินทร์ ยังได้มอบโฉนดที่ดินคืนให้กับเกษตรกร พร้อมมอบเช็คชำระหนี้แทนเกษตรกร และเช็คการฟื้นฟูพัฒนาอาชีพเกษตรกร แก่สมาชิกกองทุนฟื้นฟู และพัฒนาเกษตรกร จังหวัดนครราชสีมาด้วย
นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงราคาปุ๋ยที่เกษตรกรตั้งข้อสงสัยถึงการปรับตัวสูงขึ้น 2-3 เท่า โดยยอมรับว่า ในช่วงปีกว่าที่ผ่านมา ราคาปรับสูงขึ้นจริง เพราะส่วนหนึ่งต้องอาศัยการนำเข้า ซึ่งก็ได้รับผลกระทบจากราคาต้นทุนการผลิตปุ๋ยในต่างประเทศ และราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น จากผลกระทบสงครามยูเครน และรัสเซีย ทำให้ได้รับผลกระทบทั่วโลก ไม่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น แต่รัฐบาลได้พยายามจัดหาปุ๋ยราคาพิเศษ มาจำหน่ายให้กับเกษตร รวมถึงการช่วยอุดหนุนราคาปุ๋ยเคมีให้กับเกษตรกร กระสอบละ 200 บาท เพื่อช่วยลดต้นทุน พร้อมกำชับการปรับราคาปุ๋ยไปยังผู้นำเข้า และจำหน่ายว่า จะต้องพิจารณาตามราคาต้นทุนนำเข้าจริง ห้ามฉวยโอกาส และจะต้องแจ้งให้กระทรวงพาณิชย์รับทราบก่อน
ทั้งนี้ การดำเนินโครงการประกันรายได้ฯ ของรัฐบาล ในจังหวัดชัยภูมิ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาช่วยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวแล้วกว่า 150,000 ราย โอนเงินส่วนต่างแล้ว 4,200 ล้านบาท ทำให้มีเงินส่วนต่างเฉลี่ยครัวเรือนละ 38,419 บาท สำหรับการปนะกันฯ ราคายางพารา ช่วยเกษตรกรชัยภูมิไปแล้ว 3 ปีรวมกว่า 5,800 ราย โอนเงินส่วนต่างแล้ว 104 ล้านบาท ซึ่งช่วงหลังราคาเกินจากรายได้ที่ประกันทำให้ไม่ต้องโอนเงินส่วนต่าง
ขณะที่ การดำเนินโครงการประกันรายได้ฯ ในจังหวัดนครราชสีมา ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาล ได้โอนเงินส่วนต่างช่วยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไปแล้วกว่า 250,000 ราย โอนเงินส่วนต่างแล้วเกือบ 9,000 ล้านบาท ,เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังได้รับความช่วยเหลือแล้วกว่า 71,000 ราย และโอนเงินส่วนต่างไปแล้วกว่า 1,660 ล้านบาท